วันอังคารที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2556

เรามาลองดู Tesla Model S กัน ทำไมมันถึงขายดี



         ในตอนที่แล้วเราได้พูดถึงประวัติ Tesla Motor,Elon Musk และที่มาของ Tesla Model S  กันไปแล้ว ในครั้งนี้เราจะมาดู ข้อมูลของ Model S  กันนะครับ โดยเริ่มจาก................

ข้อมูลจำเพาะ
Tesla Model S
Class : Full size sport sedan
ปีที่ผลิต
2012
โรงงาน
Tesla  Factory California USA
Body
Hatchback 4 ประตู  
ระบบส่งกำลัง :
มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อหลัง-ใช้มอเตอร์เหนี่ยวนำกระแสสลับ
ขนาดมอเตอร์
: เหนี่ยวนำกระแสสลับ มีให้เลือก 3 แบบ
85 Kw.h –ให้กำลัง 310 KW (420 แรงม้า)  แรงบิด 443 ปอนด์/ฟุต(600นิวตัน)
85 Kw.h –ให้กำลัง 270 KW (360 แรงม้า)  แรงบิด 325 ปอนด์/ฟุต(440นิวตัน)
60 Kw.h –ให้กำลัง 225 KW (302 แรงม้า)  แรงบิด 317 ปอนด์/ฟุต(430นิวตัน)

ระบบเกียร์
ไม่มี มีเกียร์ไฟฟ้า อัตราทด 9.73:1 เท่านั้น
ตัวเก็บประจุ

Battery lithium ion 85 kw.hหรือ 60kw.h
85kw.h ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้งวิ่งได้ 480 กิโลเมตร (ตัวเลขของ Tesla Motor)
60kw.h ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้งวิ่งได้ 370 กิโลเมตร (ตัวเลขของ Tesla Motor)




มิติตัวรถ
เรามาลองดูตามรูปนี้เลยนะครับ ในรูปหน่วยจะเป็นการวัดแบบระบบอิมพีเรียล แต่ผมจะเปลี่ยนเป็นเมตริก ให้ เพื่อความเข้าใจที่ง่ายขึ้นนะครับ 
ฐานล้อยาว  2.95 เมตร (116.5นิ้ว)                                 ความกว้างรถรวม : 1.96 เมตร (86.2 นิ้ว กางกระจกออกเต็มที่ )
ความยาวรถรวม 4.98 เมตร (196.0นิ้ว)                           ความสูงรวม   1.435 เมตร( 56.5 นิ้ว)

ลองจินตนาการถึง Smart Phone ที่มีขนาดเท่า รถยนต์ขนาดกลางยอดนิยม ที่สามารถพาเราจาก จุด A ไป B ได้เป็นระยะทาง 500 เกือบกิโลเมตร โดยชาร์จไฟเต็มที่ 1 ครั้ง ซึ่งกินเวลาประมาณ 4 ชั่วโมง (ต่อกับไฟ 110 Volt)  สำหรับผมแล้ว มันเป็นทั้งรถ เป็นทั้ง Gadget สุดล้ำ  Model S ถูกเปิดตัวเป็นครั้งแรกในงาน Frankfurt มอเตอร์โชว์ 2009 โดยรุ่นที่เปิดตัวเป็น prototype และ รุ่นProduction เริ่มมีการผลิตและส่งมอบให้กับลูกค้าในปี 2012และ EPA (หน่วยงานเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในอเมริกา)ได้จัดอันดับว่า Model S เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ในการชาร์จ 1 ครั้ง สามรถเดินทางไปได้ไกลที่สุดที่อยู่ในท้องตลาดตอนนี้  โดย EPA เปรียบเทียบแล้วว่าในการเดินทาง 1 กิโลเมตร ต้องใช้ไฟ 237.5 วัตต์ เทียบได้กับการใช้น้ำมันประมาณ 2.64 ลิตร ต่อการเดินทาง 100 กิโลเมตร หรือประมาณ 0.03 ลิตร ต่อ 1 กิโลเมตร ถึงตรงนี้ พอเราได้ทราบตัวเลขแล้ว เราต้องร้องออกมา 3 คำ OH MY GOD (DESS) !!!!!!!!!

          สำหรับในเรื่องของราคา ณ website ของ Tesla ตอนนี้ ราคาของตัวBase Model (60 KW.h) มีราคา 69,900$ (2,184,375.00 บาท ใช้ Rate Paypal ) สำหรับรุ่น Top (85 KW.h) มีราคา 79,900$ (2,484,375.00 บาท ใช้ Rate Paypal ) ดูแล้วซื้อตัวล่างถ้าอยากเซฟเงิน แต่ถ้าอยากแรงซื้อตัวtop ผมแนะนำแค่นี้ !!! ถึงแม้ว่าจะมีราคาแพงแต่ก็เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มียอดขายสูงที่สุด ใน USA แซงหน้า Chevrolet  Volt  และ Nissan Leaf เพราะแค่ไตรมาสที่1 ของปี 2013 ก็มียอดส่งมอบถึง 4,900 คัน และนอกจากนี้Model S ยังได้รับรางวัลมากมายเช่น
2012 World green car of the year
2013 Motortrend car of the year  etc. มาถึงตรงนี้ เราไปดูข้อมูลของModel S กันดีกว่าครับ 

หัวใจหลักของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า Power Train
โครงสร้างพื้นฐานของ  Model S แสดงให้เห็นถึง Battery และ ระบบส่งกำลัง แค่มี 2 สิ่งนี้ สำหรับรถไฟฟ้า ก็วิ่งได้แล้ว

                       ถ้าเครื่องยนต์ คือหัวใจหลักของรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน คอยสูบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงที่เปรียบเสมือนเลือดไปเป็นพลังให้รถยนต์เคลื่อนที่จาก จุดAไป B แล้วล่ะก็  รถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าก็มีหัวใจหลักคือระบบส่งกำลัง  เพราะมันทำหน้าที่ทุกอย่างให้กับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า เป็นทั้งตัวเร่งหมุนเพลาเป็นตัวตัวช่วยเบรก และเป็นทั้งตัวช่วยกำเนิดพลังงานให้กับรถยนต์ แต่ทั้งหมดนี้คือใช้ไฟฟ้าทั้งสิ้น และจากการมีอุปกรณ์ไม่ยุ่งยากซับซ้อนหรือใหญ่โตเท่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ทำให้ Model S มีน้ำหนักเบา และสามารถจุของได้พอๆกับรถ SUV ขนาดใหญ่ก็เพราะมันไม่มีทั้งเครื่องยนต์และระบบเกียร์ มากินพื้นที่ของตัวรถ  ขุมพลังของ Model S มีแค่มอเตอร์กระแสสลับพลังสูงที่วางอยู่บริเวณ เพลาล้อหลังเท่านั้น โดยมอเตอร์นี้จะทำหน้าที่เป็นตัวส่งพลังเมื่อผู้ขับแตะคันเร่ง และจะทำหน้าที่เป็นตัวหน่วงการหมุนเพลาเมื่อผู้ขับแตะเบรก  และในการเบรก ก็จะมีการชาร์จไฟให้กับแบตเตอรี่ที่เรารู้จักกันในชื่อ Regenerative Brake ซึ่งปัจจุบันมีการใช้ในรถยนต์ไฮบริดของค่ายยักษ์ใหญ่ในเมืองไทย เช่นกัน  มอเตอร์ส่งกำลังมีให้เลือก 2แบบ 310 KW (416ม้า) แรงบิด 600นิวตัน และแบบ 270KW (362ม้า) แรงบิด440 นิวตัน
                     สำหรับแบตเตอรี่ Tesla มีให้เลือก 2 ขนาด คือ แบบ 85kw.h สามารถวิ่งได้ถึง 480 กิโลเมตรโดยประมาณ  และ 60 kw.h สามารถวิ่งได้ 370 กิโลเมตรโดยประมาณ   วัสดุที่ใช้ทำแบตเตอรี่เป็นแบบนิเกิล โคบอลท์ อลูมิเนียม คาโทด จาก Panasonic  โดยใส่เข้าไปบริเวณ Chassis เพื่อช่วยในเรื่องของการกระจายน้ำหนัก สร้างความสมดุลให้กับตัวรถ ตรงนี้ อยากให้คุณลองดูตามภาพหรือจินตนาการถึงรถแข่งทามิย่า หรือ Skateboard ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแรงสูงดู นะครับ สำหรับการรับประกันนั้น ไม่ต้องห่วงเลย เพราะTesla รับประกัน Battery ถึง 8 ปี  หรือ 201,000 กิโลเมตร สำหรับ รุ่น 60 Kw.h  ส่วนรุ่น 85 Kw.h นั้น Tesla รับประกัน 8 ปีไม่จำกัดระยะ พร้อมกันนี้ ในปลายปี  2012 Tesla ได้อัพเดท software ของModel S เพื่อให้ Model S ประหยัดพลังงานมากขึ้น ในโหมด Sleep   และในช่วงปี 2013 มีการถกเถียงกันว่าจะมีการใส่ Battery รุ่น 40 Kw.h แต่ก็ยกเลิกเนื่องจากไม่เป็นที่ต้องการของลูกค้า  

  Exterior ภายนอกสุดสง่างามและHi technology looking
   
Model S Sport tuned
Model S's Front View

Model S's rear view

                  เราจะมาดูภายนอกกันนะครับ  Model S มีรูปแบบดีไซน์ที่ดูโฉบเฉี่ยวหมดจดเอามากๆ กระจกสีดำล้วน หลังคาpanoramic หลังค้าแก้วที่สามารถกัน แสงและ UV ได้หมดจด และบอดี้อลูมิเนียมน้ำหนักเบา 

หน้าตากุญแจรีโมท
ตัวรถมาพร้อมกับกุญแจรีโมทระบบ Keyless  รูปทรงเหมือนตัวรถมีปุ่ม3 ปุ่ม ถ้ากดปุ่มที่อยู่ตรงกลางรถจะทำการปลดล็อครถ และที่เปิดประตูจะออกมาจากที่ซ่อนของมัน  เมื่อกดปุ่มที่ 2 บริเวณกระโปรงหน้ารถ กระโปรงหน้ารถก็จะเปิดออกให้เห็ถึงที่เก็บสัมภาระขนาดใหญ่ และถ้ากดที่ปุ่มที่3บริเวณท้ายรถ กระโปรงท้ายจะเปิดออกมา เผยให้เห็นถึงที่ว่างที่มากพอจะใส่เบาะพิเศษให้กับเด็กอายุประมาณ10ขวบนั่งได้อีก 2 คนเลยทีเดียว  และถ้าคุณDouble click ที่บริเวณปุ่มกลาง กระจกรถยนต์ก็จะเปิดออก  

Charging pod 
ที่บริเวณไฟท้ายด้านซ้ายคุณจะพบกับ Charging pod ซ่อนอยู่ เป็นช่องคล้ายๆช่องเสียบ Smartphone มีไฟจากหลอด led สี soft blue แสดงว่า พร้อมแล้วที่จะชาร์จไฟ เมื่อคุณซื้อTesla ทางบริษัทจะแถมชุดที่ชาร์จมาให้คุณ โดยที่ชาร์จนี้จะมาพร้อมกับชุด Adapter รองรับไฟ 10 kw 110/240 volt  คุณแค่เสียบมันเข้ากับไฟบ้าน แล้วชาร์จเท่านั้น โดยการชาร์จไฟเต็มจะกินเวลา ประมาณ 4ชั่วโมง ถ้าคุณจะวิ่งเพียง 60ไมล์ต่อวัน ชาร์จไฟเพียง1ชั่วโมงหรือ 1 ชั่วโมงครึ่งก็เพียง
พอแล้ว

High power connector 
หรือคุณจะจ่ายเพิ่ม 1500 $ เพื่อสามารถต่อกับ High power connector ได้  แต่ถ้าคุณเดินทางไกลๆ ไม่ต้องห่วง เพราะตอนนี้ Tesla มีโครงการ Supercharger Network  ซึ่งในขณะนี้ เริ่มมีแล้วใน zone west coast โดย Elon บอกว่า เราจะขยายโครงข่ายให้ทั่วอเมริกาในปี 2015 โดยตัว Model S 85 kw.h จะสามารถรองรับ super charger ได้ทันที แต่ตัว 60 kw.h  จะเป็นออฟชั่นที่ต้องสั่งเพิ่มขึ้นมา   สำหรับการรับประกันนั้น Tesla รับประกัน Model S  เป้นระยะเวลา 4 ปี หรือ 80,000 กิโลเมตร โดยรับประกันทั้งคัน (ยกเว้นยางรถยนต์) แต่ลูกค้าสามารถจ่ายเงินเพิ่มพื่อต่ออายุประกันออกไปอีก 4 ปี หรือ 80,000 กิโลเมตรได้


ยิงไปกว่านั้น คุณยังสามารถสั่งการรถโดยผ่าน iPhone app ได้โดยคุณสามารถdownload Tesla app ได้จาก app store สามารถสั่งการ lock unlock เผปิดไฟ ตรวจสอบไฟที่คงเหลือ บีบแตรรถยนต์เพื่อช่วยในการหารถคุณในยามที่จอดในห้างสรรพสินค้า ควบคุมระบบปรับอากาศในรถคุณได้ ในกรณีที่คุณจอดรถไว้กลางแจ้ง แล้วอากาศร้อนมากๆอยากให้ระบบปรับอากาศทำงานปีรับสภาพรถคุณให้เย็นก่อน คุณเข้าไปก็ทำได้  หรืออย่างกรณีรถคุณไม่อยู่โดยเหตุบังเอิญหรือเหตุไม่คาดฝัน คุณก็สามารถติดตามรถคุณได้จากสัญญาณ GPS ผ่านGoogle Map และคุณสามารถรู้ได้ว่า  รถคุณวิ่งด้วยความเร็วเท่าไหร่ คล้ายๆกับรถคุณติดตั้งtracking GPS ไปในตัว 

Interior ภายที่มีแต่ที่ว่าง ที่ว่าง ที่ว่างเต็มไปหมด 
ที่เก็บของในกระโปรงหน้าของ Model S






           เรามาดูภายในกันนะครับ ภายในเริ่มจาก กระจกไม่มีdoor frame ซึ่งตรงนี้หลายคนอาจจะชอบหรือไม่ชอบต่างกันออกไป เบาะที่ใช้เป็นเบาะหนังแท้ ชนิดเดียวกับที่ใช้ในรถยนต์ระดับพรีเมี่ยมหลายๆยี่ห้อ เมื่อเข้ามาแทบจะพบว่าบนdashboard แทบจะไม่มีปุ่มเลย มีเพียงสวิทย์ไฟฉุกเฉิน และสวิทซ์เปิด ปิด central lock เท่านั้น เนื่องจากไม่มีเครื่องกับเกียร์ เพราะฉะนั้น ตรงกลางระหว่างคนขับกับคนนั่งข้างหน้ามันจึงเป็นที่ว่างขนาดใหญ่ ใหญ่พอที่จะใส่กระเป๋าทำงานแบบเจมส์บอนด์ ขนาบไว้ข้าบงๆคุณเวลาขับรถได้ ตรงกลางDash board มีหน้าจอ17นิ้วขนาดใหญ่คล้ายๆipad  ทำหน้าที่เป็น instrument panel หลักของรถคันนี้ และที่บริเวณหน้าจอคนขับมีพวงมาลัย และจอ LCD ขนาด 12นิ้ว แบ่งออกเป็น3โซน ซึ่งสามารถควบคุมหน้าจอทั้งสามโซนได้จากพวงมาลัยของคุณ โดยพงวงมาลัยมีscroll ซ้าย ขวาแยกกัน ฦซ้ายคุมจอซ้าย ขวาคุมจอขวา แสดงข้อมูลการขับหรือข้อมูลต่างๆที่คุณอยากรู้ รวมทั้งสามารถคุมเครื่องเสียงได้ มีระบบvoice command adaptive cruise control   ระบบคุมที่ปัดน้ำฝน ตัวคุมเกียร์(มอเตอร์ไฟฟ้า) เป็นแบบก้านหลังพวงมาลัยคล้ายๆรถFlagshipค่ายดาวสามแฉก ส่วนตัวพวงมาลัยก็สามารถปรับได้แปดทิศทาง ส่วนที่ขอติงก็คือตรงบริเวณ Armrest ที่น่าจะมีอะไรมากกว่านี้ไม่ใช่แค่มีเพียงที่วางแก้ว แต่พอจะใช้ Armrest คุณก็วางแก้วไม่ได้ซะงั้น ที่ใส่แว่นกันแดด ทำไมมันไปอยู่ใต้จอ       สิบเจ็ดนิ้ว แทนที่จะอยู่ในที่เหมือนปกติรถทั่วไปเพราะแบบดั้งเดิมจะเป็นมิตรกับ ผู้ใช้มากกว่า ไฟอ่านแผนที่เป็น ledสงนวลๆพอใช้ได้ ปรับระดับได้ ส่วนข้างหลังตอนที่สองมีที่นั่งที่สามารถนั่งได้ถึง3 ที่ซึ่งเรามองว่ามันน่าจะเบียดเสียดกันไปนิดนึง น่าจะมีอะไรมาแทนบ้างในระหว่างเก้าอี้หลังข้างซ้ายและขวา อย่างน้อยให้คนนั่งข้างหลังสามารถตั้ง Laptop แล้วทำงานบรถได้เหมือนรถผู้บริหารทั่วๆไป เพราะซื้อราคาระดับนี้ก็มีบางวันที่อยากให้คนอื่นขับให้บ้างแหละ  ส่วนแอร์ด้านหลังมีให้แต่ไม่มีclimate control ซึ่งเรางงมากสำหรับรถราคาขนาดนี้


      หน้าจอ17นิ้ว ทุออย่างบนรถสั่งการจากเจ้านี่  หน้าจอ 17นิ้วตัวนี้แทบจะเรียกได้ว่าเป็นตัวควบคุมหลัก ของ Model S เลยก็ว่าได้ มันให้ข้อมูลแก่ผู้ขับทั้ง ดูอุณหภูมิ แบตเตอรี่ Range Schedule charging เพียงแค่คุณเสียบปลั้กแล้วตั้งเวลามันก็จะชาร์จให้เอง GPS Control Set driver profile Bluetooth เชื่อมกับsmartphone รองรับสัญญาณ 3G 4G  wifi router  Navigator กล้องมองหลัง อินเตอร์เน็ต คุมแอร์ วิทยุ ต่อ storage แบบไร้สายเข้ากับsmart phone  จัดการplaylist จัดการequalizer sound ออกไดทั้งคัน จัด Balance เสียง Am FM  Google map GPS ค้นเบอร์โทรศัพท์ ติดตั้งเป็นAddress book  และสามารถโชว์กราฟ Energy controlด้วยว่าช่วงไหนขับไช้ไฟฟ้ามากน้อย  สามารถset ช่วงล่าง comfort standard sport  set การทำงานของ regenerative braking สัญญาณกันขโมย HD Camera  ด้านหลัง คุมการเปิดปิด กระโปรงหน้าหลัง  ทุกอย่างจัดการโดยผ่านหน้าจอนี้ทั้งหมด  ซึ่งเรามองว่ามันสะดวกต่อการใช้ แต่มันก็อาจเปฝ้นจุดบอดได้ถ้าหาก Application software เกิดรวนขึ้นมา มันจะเกิดอะไรขึ้น เราไม่อยากจินตนาการ และแอดอินพูดอีกว่ารถไฟฟ้าบางครั้งมันก็sensitive เพราะฉะนั้น ถ้าหากมีอะไรเกิด malfunction ขึ้นมารถอาจตายเอาดื้อๆกลางถนน ซึ่งยังไม่เคยมีเคสแบบนี่ให้เห็นแต่ถ้าระยะเวลาเริ่มผ่านไป โดยเฉพาะเกิน 5ปี หรือรถเริ่มหมดประกันBaterry อาการประหลาดๆน่าจะมีให้เห็นบ้าง


  Drive เราลองดูจากวีดีโอนี้ดูนะครับ                                 Credit :sunrisehitek· 



                    หลังจากดูจบ โอ้ว แม่เจ้านี่มันรถSedan ใช่มั้ย!!!!  ทำไมมันแรงนรกแบบนี้ แถมไม่มีเสียงและไอเสียอีกต่างหาก การทำงานของมอเตอร์มันเงียบกริบไม่มีเสียงเครื่องยนต์  แต่พอเริ่มกดคันเร่งเท่านั้น แรงบิดมหาศาลก็มาทันทีโยไม่ต้องรอรอบเครื่องม้ามาตามคันเร่งแบบไม่รออะไร ระบบช่วงล่างทั้งมดจัดการตัวมันเอง เมื่อถึงย่านความเร็วสูง มันก็จะปรับให้ต่ำลงเพื่อเพิ่ม downforce  ตามความเร็ว อัตราเร่ง 0-100 kmh  4.5 วินาทีในรุ่น 85 kwh ส่วนตัว 60kwh ก็เร่งได้ภายใน 5.9 วินาที เร็วเอามากๆ สำหรับรถระดับนี้ ระบบเบรกต่างๆตอบสนองได้ดีทีเดียว โดยรวมดี แต่มีปัญหาเรื่องเสียงอย่างแอดอินบอกว่าเมื่ออยู่ในย่านความเร็วสูงๆ สิ่งที่อยากได้ยินมากกว่าเสียงล้อกระทบพื้นถนนแบบรถกอล์ฟก็คือเสียงคำรามของเครื่องยนต์บ้าง เครื่องจะเล็กหน่อยก็ไม่เป็นไร แต่ขอให้มีบ้างหรือใส่เสียงเทียมก็ได้ซึ่งเรามองว่ามันคือความเร้าใจอย่างหนึ่งในโลกยานยนต์ และถ้าอยู่ในเมือง โดยเฉพาะประเทศสารขันธ์ ถ้าคนตาบอดข้ามถนนแล้วเรามาเร็วนี่ จบเลยนะเพราะเขาจะคิดว่าไม่มีรถ ต้องเตรียมแก้ตรงนี้ไว้นิดนึงจะดีมากๆ 




Supercharger&Battery Swap เลือกเอาว่าจะFast หรือ Free    

ในปี 2012 Tesla เริ่มโครงการ สถานีชาร์จไฟฟ้าพลังสูงเพื่อสนับสนุนการใช้รถยนต์ของบรรดาลูกค้าในการเดินทางระยะไกล และเพิ่มยอดขายให้กับ Model S และ Tesla ตัวต่อๆไป และใน ปี 2013 Tesla ประกาศว่า เราจะสร้าง Tesla Station เพื่อให้บริการลูกค้าให้พร้อมไปต่อภายใน 2 นาที ทั้งในส่วนของ Super Charger และ Battery Swap service  โดยในปลายปี 2013 จะเปิดให้บริการได้ครึ่งประเทศสหรัฐอเมริกา และจะครบทั้ง ประเทศอเมริกาในปี 2015     โดยSupercharger จะให้บริการฟรี โดยใช้พลังงานไฟฟ้าจากระบบSolar cell  ของ Solar City โดยจะสามารถชาร์จไฟให้Model S จนเต็มได้ภายใน 1 ชั่วโมง และที่สำคัญ บริการฟรี  ตลอดไป และแหล่งพลังงานก็มาจากพลังงานสะอาดเพราะฉะนั้น เวลาคุณใช้Tesla คุณรับรู้ได้ว่าคุณช่วยรักษาโลกใบนี้  
จำนวนสถานี Supercharger ในวันนี้ 




จำนวนสถานี Tesla Station ที่คาดว่า จะมีในปี 2015


ถ้าต้องการความเร็ว คุณสามารถ ใช้บริการ Battery Swapping ได้ และมันทำงานเร็วมาก                   Credit: Tesla Motors 

         Battery Swapping ถ้าไม่ต้องการใช้ Super Charger ไม่เป็นไร  เพราะ Tesla ออกแบบให้ Model S สามารถถอดและเปลี่ยน Battery ได้เหมือนเวลารถF1 เข้าพิท โดยการเปลี่ยน Battery นี้จะมีค่าใช้จ่าย ค่าดำเนินการ แต่ที่Elonพูดก็คือ มันเสร็จภายใน 90 วินาทีและคุณก็พร้อมไปต่อได้  บริการทั้งหมดนี้จะอยู่ใน Tesla Station ซึ่งจะมีเครือข่ายครบทั้งประเทศอเมริกาในปี 2015 และในปลายปี 2013 Tesla จะเริ่มทำสถานี Super Charger ใน ต่างประเทศที่มี Model S จำหน่ายแล้ว

                  

 ในอนาคต และสรุป  

                 มันคือ Benchmark  ใหม่ของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า และมันจะอยู่เป็นBenchmark ไปอีกนาน เพราะปัจจุบันดูหลายๆค่ายยังไม่ค่อยให้ความสนใจทำรถยนต์ประเภท ใช้พลังงานไฟฟ้า 100% ซักเท่าไหร่นัก พวกเขามุ่งพัฒนาเครื่องยนต์เล็ก+Turbo  หรือระบบHybrid  แต่อย่างไรก็ตาม ระบบพวกนี้ยังเป็น Petrol head และในอนาคตหากพวกค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่จะสร้างรถ EV สักคัน มันไม่ง่ายเลยที่จะไล่ตามTesla ในขณะเดียวกัน เราก็อยากเห็นความตื่นเต้นเร้าใจมากกว่านี้สำหรับTesla  อยากเห็นระบบ EV+เกียร์แมนนวลของTesla ในสนาม Motor Sport หรือModel X SUV ที่เราอยากเห็นความสำเร็จของ Tesla อย่างไรก็ตาม Model S  เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่ดีที่สุดแห่งยุคจริงๆ แต่เนื่องจากมันเป็นรถsport sedan  มันน่าจะมีรุปร่างหรืออะไรที่ดูดึงดูดมากกว่านี้ อยากให้ลองไปดูต้นแบบรถsport sedan จากค่าย กระทิงอิตาลี  แล้วเอามาลองปรับหน้าตารถให้มันดูมีเอกลักษณ์ไม่จืดชืดและขอให้คนที่นัง่ข้างหลังสามารถทำงานบนรถได้ โดยรวมโอเคแล้วทำต่อไป Elon ผมเชื่อว่าคุณทำได้ คุณเคยให้สัมภาษณ์ว่าคุณอยากทำสิ่งประดิษฐ์เจ๋งๆแบบในการ์ตูน super hero ที่คุณเคยอ่าน คุณคิดว่าอันดับแรกถ้าจะทำอย่างนั้นได้ คุณต้องเป็นเจ้าของธุรกิจ คุณเริ่มทำอะไรเจ๋งๆหลายๆอย่างเพียงแค่เริม่จากหาข้อมูลจาก internet  ถึงวันนี้คุณมีสุดยอดรถยนต์กับvision ด้านพลังงานทดแทนแบบที่  และคุณคือ Tony Stark ในโลกแห่งความเป็นจริงแล้วสำหรับผม           




ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ของ Tesla Motor  www.teslamotors.com 

Wikipedia

Tesla Model S Review by sunrisehitek

Name of this blog inspired from song title "winner ten west" by WOWTheFlyingPalaces  



4 ความคิดเห็น:

  1. ผมเอาคันนี้แน่นอนคับ ขอทำงานก่อนนะคับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคับ

    ตอบลบ
  2. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  3. ผมขอบกอกเลยว่า บรรดาค่ายรถยักษ์ๆ หลายค่ายที่กำลังขายดี ของยุคนี้ ถ้ายังไม่รีบปรับตัว จะพินาศ เหมือนโนเกีย ระวังให้ดีครับ

    ตอบลบ
  4. ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆครับ ขอแนะนำให้แปะ © Yellow Copyright ท้ายบทความเพื่อยืนยันสิทธิ์ http://copyrightlabel.com/

    ตอบลบ